เคล็ดไม่ลับเลือก หน้าต่างบานเลื่อน ให้เหมาะกับสไตล์การตกแต่งบ้าน

หน้าต่างบานเลื่อน กลายเป็นที่นิยมใช้ของบ้าน และคอนโดมิเนียมในปัจจุบัน เพราะอาจจะด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่ช่วยให้ประหยัดพื้นที่ แถมดีไซน์ก็ยังเข้าได้กับทุกสไตล์การออกแบบและตกแต่งบ้าน หน้าต่างกระจกบานเลื่อน จึงกลายเป็นองค์ประกอบหลักที่ไม่เพียงแต่จะมีหน้าที่ในการระบายอากาศ รับลม และรับแสงสว่างจากภายนอกบ้านเพียงเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสะท้อนให้บ้านมีเสน่ห์ และน่าอยู่มากยิ่งขึ้น

1. ประเภทหน้าต่าง เลือกใช้ให้เหมาะสม

ประเภทของหน้าต่างบานเลื่อนมีให้เลือกใช้หลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้งาน และดีไซน์ของแต่ละบ้าน แต่โดยทั่วไปแล้วที่เป็นที่นิยมใช้จะมีอยู่ 5 ประเภทด้วยกัน ดังนี้

  • หน้าต่างบานเปิด หรือ Swing Window คือหน้าต่างบานพับแบบผลักออกไปด้านหน้าที่สามารถเปิดใช้งานได้เต็มบาน ส่วนใหญ่นิยมติดตั้งบริเวณผนังบ้านที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน เพราะการเปิดใช้งานต้องคอยระมัดระวังไม่ให้ชนคนที่เดินผ่านไปมา เมื่อติดตั้งใช้งานจะช่วยเพิ่มมิติให้กับบ้านได้มากขึ้น

  • หน้าต่างบานกระทุ้ง หรือ Awning Window คือ หน้าต่างที่มีบานพับอยู่ด้านบน มีทั้งแบบบานคู่ และบานเดี่ยว เปิดใช้งานได้ไม่เต็มบานจะเปิดได้เพียง 45 องศา นิยมติดตั้งตามที่พักอาศัย เช่น คอนโดมิเนียม

  • หน้าต่างบานเฟี๊ยม หรือ Accordion Window คือ หน้าต่างหลาย ๆ บานต่อกันด้วยบานพับ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เหมาะกับบ้านที่ต้องการเปิดโล่ง และรับลม หรือต้องการใช้หน้าต่างบานเลื่อนกั้นห้อง

  • หน้าต่างบานเลื่อน หรือ Sliding Window คือหน้าต่างที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เพราะมีความสวยงามเมื่อติดตั้งจะเรียบเนียนติดไปกับผนังบ้าน โดยการเปิด-ปิดจะเลื่อนไปด้านข้าง ทำความสะอาดง่าย มีให้เลือกใช้งานอยู่หลายประเภท ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้งานของเจ้าของบ้าน และความเหมาะสมของพื้นที่ในการติดตั้ง ดังนี้

– หน้าต่างบานเลื่อนเดี่ยว (Fixed-slide window) มีลักษณะเป็นหน้าต่าง 2 บาน ที่สามารถเลื่อนเปิดได้ 1 บาน

-หน้าต่างบานเลื่อนสลับ (Slide-slide window) หรือหน้าต่างบานเลื่อนคู่ เป็นหน้าต่าง 2 บาน ที่สามารถเปิดเลื่อนได้ทั้ง 2 บาน เพื่อความสะดวกในการใช้งานปัจจุบันเป็นที่นิยมใช้ของหลาย ๆ บ้าน

-หน้าต่างบานเลื่อนข้างช่องแสงกลาง (Slide-fixed-slide window) หรือเรียกอีกอย่างว่า หน้าต่างบานเลื่อน 3 บาน ลักษณะการเปิดใช้งานคือ หน้าต่างทุกบานสามารถเลื่อนเปิดได้ แต่บานตรงกลางจะไม่สามารถเลื่อนได้ โดยหน้าต่างทุกบานที่เลื่อนเปิดจะมารวมกันอยู่ที่บริเวณบานตรงกลาง

-หน้าต่างบานเลื่อนออกข้างคู่ (Fixed-slide-slide-fixed window) หรือ หน้าต่างบานเลื่อน 4 บาน โดยบานที่เลื่อนเปิดได้จะเป็นหน้าต่างบานคู่ตรงกลางเท่านั้น โดยจะเลื่อนเปิดออกไปยังด้านข้างบานที่ไม่สามารถเลื่อนเปิดได้

หน้าต่างบานยก หรือ Slide-hung Window คือหน้าต่างที่สามารถเปิดยกขึ้นทั้งบานได้ เหมาะกับบ้านที่มีพื้นที่ไม่มากนัก ช่วยให้ประหยัดพื้นที่ในการติดตั้ง

2. วัสดุของหน้าต่างบานเลื่อน ก็สำคัญไม่แพ้กัน

วัสดุในการผลิตหน้าต่างบานเลื่อน คือหนึ่งในปัจจัยที่เจ้าของบ้านต้องเลือกเพื่อความคงทน แข็งแรงในการใช้งานให้ยาวนานที่สุด ซึ่งวัสดุที่ใช้ทำหน้าต่างบานเลื่อนมีให้เลือกอยู่หลากหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป เช่น

  • หน้าต่างกระจกบานเลื่อน

เพื่อให้ได้รับแสงสว่างจากธรรมชาติอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องเปิดหน้าต่าง หน้าต่างกระจกบานเลื่อน จึงกลายเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะช่วยให้บ้านดูมีดีไซน์แล้ว ยังทำให้มองเห็นภายนอกบ้านได้กว้างยิ่งขึ้น แต่หากใครที่กลัวว่าจะได้รับแสงสว่าง หรือความร้อนมากจนเกินไปจากการติดตั้ง หน้าต่างกระจกบานเลื่อน ก็สามารถติดตั้งผ้าม่าน หรือ ฟิล์มกรองแสง เพื่อช่วยกันความร้อนไม่ให้เข้ามายังในตัวบ้านได้

  • หน้าต่างบานเลื่อนไวนิลหรือยูพีวีซี

เป็นหน้าต่างที่ใช้วัสดุทดแทนจากธรรมชาติ ที่มีความแข็งแรง ทนความร้อน ไม่ติดไฟ ไม่เป็นสนิม และน้ำหนักเบา มีให้เลือกใช้หลายเกรด แต่แนะนำให้เลือกใช้เกรดไวนิลที่มีคุณภาพดี เพราะจะมีความทนทานต่อสภาพอากาศ ไม่หดตัวง่ายเมื่ออยู่ในสภาพอากาศที่ร้อนและเย็นเกินไป
รูปตัวอย่างหน้าต่างบานเลื่อนอะลูมิเนียม

  • หน้าต่างบานเลื่อนอะลูมิเนียม

อะลูมิเนียม เป็นโลหะ จึงหมดปัญหาเรื่องความชื้น สนิม และปลวก บ้านที่ตกแต่งด้วยสไตล์ลอฟท์ หรือ Industrial จึงนิยมใช้ หน้าต่างบานเลื่อนอะลูมิเนียมครับ ซึ่งตัวอะลูมิเนียมจะมีความคงทน และยืดหยุ่นมากกว่า หน้าต่างบานเลื่อนแบบไวนิล ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องการรั่วซึม เหมือนกับ หน้าต่างบานเลื่อนไวนิลหรือยูพีวีซี

แต่ข้อควรระวังคือ ไม่ควรใช้กับบ้านที่ตั้งอยู่บริเวณริมทะเล เพราะอะลูมิเนียมไม่ชอบความชื้นจากไอเค็มของทะเล หากได้รับความชื้นตลอดทั้งวันจะทำให้อะลูมิเนียมเกิดการผุพังได้

  • หน้าต่างบานเลื่อนไม้

ด้วยคุณสมบัติของไม้ ที่มักบวม ผุกร่อน ติดไฟง่าย และเกิดการรั่วซึมอยู่บ่อยครั้ง หน้าต่างบานเลื่อนไม้จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมใช้ในบ้านเรา แต่สำหรับใครที่ดีไซน์บ้านโทนธรรมชาติเน้นสีน้ำตาล หรือลายไม้ การเลือกใช้หน้าต่างบานเลื่อนลายไม้ที่ผลิตจากวัสดุอื่น ๆ ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีไม่แพ้กัน

3. ติดตั้งใช้งานให้เหมาะกับห้องภายในบ้าน

หน้าต่างกระจกบานเลื่อน ใช่ว่าจะเหมาะสำหรับติดตั้งกับทุกห้องภายในบ้าน ส่วนใหญ่แล้วห้องที่นิยมติดตั้ง หน้าต่างกระจกบานเลื่อน คือ ห้องนั่งเล่น ห้องนอน ห้องทำงาน และห้องทานอาหาร ซึ่งเป็นห้องที่ต้องการมองเห็นวิว และบรรยากาศภายนอกบ้านมากที่สุด

หรือปัจจุบัน ในคอนโดมิเนียม ก็นิยมใช้ หน้าต่างบานเลื่อน เป็นอย่างมาก เพราะด้วยพื้นที่ใช้สอยแต่ละห้องค่อนข้างแคบ การติดตั้ง หน้าต่างกระจกบานเลื่อน จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด หรือแม้แต่ภายในห้องที่ปัจจุบันมักดีไซน์ผนังกั้นห้อง เป็น หน้าต่างบานเลื่อน หรือประตูบานเลื่อน แทนการใช้ผนังกั้นห้อง เพื่อช่วยให้คอนโดมิเนียมดูกว้างขวาง โล่งและโปร่งยิ่งขึ้น ก็เริ่มมีให้เห็นมากขึ้น

4. ดีไซน์ และสไตล์การออกแบบตกแต่งบ้าน

หน้าต่างบานเลื่อนจะช่วยสะท้อนดีไซน์ และสไตล์ของบ้านให้โดดเด่นยิ่งขึ้น หากเป็นคนที่ชอบให้บ้านดูโล่ง โปร่งสบาย ให้เลือก หน้าต่างกระจกบานเลื่อน แบบ 4 บาน เพื่อให้ห้องดูกว้าง เปิดรับลมได้มากกว่าหน้าต่างรูปแบบอื่น ๆ หรือหากพื้นที่ผนังห้องไม่ได้กว้างมากนักก็อาจจะเลือก หน้าต่างบานเลื่อนสลับแทนได้

ส่วนบ้านที่ตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์น ลอฟท์ เน้นการตกแต่งโทนสีเข้ม ก็อาจจะเลือกติดตั้งหน้าต่างบานเลื่อนที่ผลิตจากอะลูมิเนียมสีดำ เพื่อให้โทนการตกแต่งบ้านเด่นชัดยิ่งขึ้น และมีความแข็งแรงทนทานในการใช้งานครับ

หรือหากเป็นสไตล์มินิมอล เรียบง่าย การเลือกใช้หน้าต่างบานเลื่อนแบบไวนิล โดยเลือกเป็นหน้าต่างบานเลื่อนเดี่ยว เพื่อให้ง่ายในการออกแบบตกแต่ง และเลือกเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านก็เป็นทางออกที่ดีไม่น้อย

 

ใส่ความเห็น