ความแตกต่าง เหล็กเส้นกลม เหล็กข้ออ้อย ต่างกันยังไง?

เหล็กเป็นวัสดุสำคัญที่ใช้ในการก่อสร้าง เพื่อเป็นการขึ้นโครงสร้างและทำให้โครงสร้างและรากฐานแข็งแรง โดยเหล็กที่เราจะพูดถึงวันนี้คือเหล็กเสริมคอนกรีตหรือที่เราเรียกกันว่า เหล็กเส้น ซึ่งเหล็กในแต่ละประเภทจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป ดังนี้

เหล็กเส้นกลม (Round Bar)

เหล็กเส้นกลม  (Round Bar) ช่างโดยทั่วไปมักเรียกกันว่า เหล็ก RB มีลักษณะภายนอกจะมีผิวเรียบเกลี้ยง หน้าตัดกลม ซึ่งที่มีขายกันอยู่ทั่วไป ใช้ในการยึดเหนี่ยวระหว่างเหล็กกับคอนกรีต ต้องมีการงอเพื่อที่จะสามารถถ่ายแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนมากจะใช้สำหรับงานโครงสร้าง เช่น ปลอกเสา ปลอกคาน โครงถนน งานก่อสร้างขนาดเล็กและขนาดกลาง เป็นต้น เหล็กชนิดนี้จะมีเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 6 -25 มิลลิเมตร สามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมในการใช้งาน

มาตรฐานอุตสาหกรรม มอก.20-2559 ชั้นคุณภาพของเหล็กประเภทนี้คือ SR24 ที่เป็นที่รู้จักและนิยมใช้คือ เหล็ก Tata tiscon, บลกท, RSM, TDC

– RB6 (เหล็กเส้นกลม 2 หุน) ใช้สำหรับงานก่อสร้างที่รับแรงไม่มาก นิยมใช้ทำปอกเสา และปอกคาน

– RB9 (เหล็กเส้นกลม 3 หุน) ใช้สำหรับงานก่อสร้างที่รับแรงไม่มาก คล้ายกับเหล็กเส้นกลม 2 หุน

– RB12 (เหล็กเส้นกลม 4 หุน) ใช้สำหรับงานก่อสร้างทั่วไป แต่ไม่เน้นงานยึดเกาะ เพราะเหล็กมีลักษณะเรียบมน ทำให้ยึดเกาะปูนไม่ดีเท่าที่ควร ส่วนมากนิยมใช้กับงานกลึง เช่น งานกลึงหัวน๊อตต่างๆ

– RB19  ใช้สำหรับงานทำถนน

– RB25 ใช้ทำเป็นเหล็กสตัท เกรียวเร่ง สำหรับงานยึดโครงป้ายขนาดใหญ่สามารถรับแรง และน้ำหนักได้ดี

 

เหล็กข้ออ้อย (Deformed Bar)

เหล็กข้ออ้อย (Deformed Bar) โดยทั่วไปมักเรียกว่า DB เป็นเหล็กที่ใช้สำหรับงานก่อสร้างเสริมคอนกรีตที่ต้องการโครงสร้างแข็งแรง เช่น อาคารสูง คอนโดมิเนียม ถนนคอนกรีต สะพาน เขื่อน สนามบิน บ่อหรือสระน้ำ เป็นต้น มีลักษณะเป็นเส้นกลมที่มีบั้ง ผิวของเหล็กจะมีลักษณะเป็นปล้องๆ อยู่ตลอดเส้น เหล็กข้ออ้อยจะรับแรงได้มากกว่าเหล็กเส้นกลมเรียบ จะให้ผลที่ดีต่อการรับน้ำหนักมากกว่า การเลือกใช้ชนิดของเหล็กเส้นข้ออ้อย SD30, SD40, และ SD50 ขึ้นอยู่กับชนิดของโครงสร้างเป็นสำคัญ โดยเหล็กข้ออ้อยจะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางที่มีขายโดยทั่วไปคือ 12 และ 16 มม. สำหรับขนาดอื่นได้แก่ 10, 20, 25 และ 28 มม. ต้องสั่งซื้อพิเศษ โดยเหล็กข้ออ้อยแต่ละขนาดจะมีความยาวอยู่ที่ 10 และ 12 เมตรเช่นเดียวกับเหล็กเส้นกลม

มาตรฐานของเหล็กเส้นมี 2 ประเภท คือ

  1. เหล็กเต็มหรือเหล็กโรงใหญ่ หมายถึงเหล็กที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง และน้ำหนักของเหล็กได้มาตรฐาน มอก.เลขที่ 24-2559
  2. เหล็กเบาหรือเหล็กโรงเล็ก เป็นเหล็กที่ผลิตให้มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางและน้ำหนักต่ำกว่ามาตรฐาน มอก. มักเป็นเหล็กรีดซ้ำ (นำเศษเหล็กที่ใช้งานแล้วหรือเศษเหล็กเสียสภาพมารีดใหม่อีกครั้ง) เหล็กเบาจะมีราคาต่ำกว่าเหล็กเต็มประมาณ 40 สตางค์ – 1 บาทต่อ 1 กิโลกรัม ซึ่งทำให้ประหยัดค่าใช้จ่าย แต่อาจก่อให้เกิดอันตราย เพราะอาจจะไม่สามารถรับน้ำหนักตามที่แบบกำหนดไว้ได้

ลักษณะเหล็กที่ดี มีคุณภาพ ควรมีข้อพิจารณา 4 ประการ

  1.  เหล็กเส้นกลมผิวเรียบเกลี้ยง ไม่มีปีก หน้าตัดกลม ไม่เบี้ยว ไม่มีรอยปริแตก
  2.  เหล็กข้ออ้อย ต้องมีบั้งระยะเท่ากัน สม่ำเสมอตลอดทั้งเส้น
  3. เส้นผ่านศูนย์กลางและน้ำหนักถูกต้อง
  4. เมื่อดัดโค้ง งอ ต้องไม่ปริแตก หักง่าย

ใส่ความเห็น